Sunday, May 1, 2011

บารัค โอบามา


บารัค โอบามา (Barack Obama) เกิดเมื่อ 4 สิงหาคม 1961 เป็นนักการเมืองและวุฒิสมาชิกเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันคนหนึ่งของสหรัฐ อเมริกา เขาจบการศึกษาด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด (Harvard) ทำงานเป็นนักกฎหมายด้านสิทธิพลเมือง (civil rights lawyer) ในเมืองชิคาโก (Chicago) และมาได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกาในปี 2004



บารัค โอบามามักกล่าวเชิงตลกอยู่บ่อยครั้งว่าผู้คนมักจะเรียกชื่อเขาอย่างผิดๆ ว่า “Alabama” บ้าง หรือในชื่อว่า “Yo Mama” บ้าง และครั้งหนึ่งสถานีโทรทัศน์ CNN ของสหรัฐฯ ต้องออกมากล่าวขอโทษเขาหลังจากที่ใส่ชื่อเขาอย่างผิดพลาดออกหน้าจอในระหว่าง การนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับนาย Osama Bin Laden ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายอัล-เคดา



ชีวิตวัยเด็กของ โอบามา

บารัค โอบามา เกิดใน มลรัฐฮาวาย (Hawaii) ของสหรัฐอเมริกา เป็นลูกครึ่งระหว่างอเมริกัน-แอฟริกัน มีบิดาเป็นคนเคนยา แม่เป็นคนผิวขาวจากมลรัฐแคนซัส (Kansas) นามว่า Ann Dunham ซึ่งชื่อ บารัค โอบามา ของเขานี้ ก็เป็นชื่อเดียวกับชื่อของบิดาของเขาเช่นกัน บิดาของเขาเติบโตในเคนยา มีอาชีพเลี้ยงแพะ แต่สามารถได้รับทุนการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในมลรัฐอาวายของสหรัฐอเมริกา

 


บิดาของเขาได้มาพบกับมารดาของเขาในระหว่างที่เข้าศึกษาอยู่ในมลรัฐฮาวายนี้ โดยที่มารดาของเขาได้อาศัยอยู่กับครอบครัวที่เมืองโฮโนลูลู (Honolulu) ในมลรัฐฮาวายเช่นกัน

บิดากับมารดาได้แยกทางกันอยู่ต่อมาขณะที่เขาอายุได้เพียง 2 ขวบ และทั้งคู่ได้หย่ากันในที่สุด จากนั้น บิดาของเขาได้โอกาสเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะกลับไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐศาสตร์ของรัฐบาลที่เคนยาและประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตลงเมื่อปี 1982

 

 

ขณะที่มารดาของเขาได้แต่งงานใหม่กับชายชาวอินโดนีเซียเมื่อบารัค โอบามามีอายุได้ 6 ขวบ และได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงจาการ์ตา (Jakarta) เมืองหลวงของอินโดนีเซีย และเด็กชายบารัค โอบามาได้อาศัยอยู่ในกรุงจาการ์ตาแห่งนี้เป็นเวลา 4 ปีก่อน แต่หลังจากนั้นได้กลับคืนมาอยู่กับตายายและเข้าโรงเรียนที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา 



การศึกษา

วัยหนุ่ม นายบารัค โอบามาได้รับการศึกษาขั้นสูงด้านรัฐศาสตร์ต่อมาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ในเมืองนิวยอร์ก จากนั้นได้ย้ายมาทำงานอยู่ในเมืองชิคาโกเป็นเวลา 3 ปีในบทบาทนักพัฒนาชุมชน (community organiser)

  


จากนั้นในปี 1988 เขาได้ออกจากงานดังกล่าวไปเข้าศึกษากฎหมายต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด (Harvard Law School) ในระหว่างนี้ เขาได้กลายมาเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นประธานวารสาร กฎหมายชื่อว่า Harvard Law Review ของมหาวิทยาลัย

 

หลังสำเร็จการศึกษาจากฮาร์เวิร์ดในปี 1991 ด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง (magna cum laude) บารัค โอบามาได้กลับคืนมาที่เมืองชิคาโก มาฝึกหัดงานด้านกฎหมายสิทธิพลเมือง (civil rights law) ช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รับความเสมอภาคทางด้านที่อยู่อาศัยและการจ้างงาน นอกจากนี้ ยังทำงานบรรยายสอนหนังสือด้านกฎหมายอยู่ในมหาวิทยาลัยชิคาโกกระทั่งมาได้รับ เลือกตั้งเข้าสู่วุฒิสภาสหรัฐฯ ในปี 2004 

 


แต่งงาน

เขาแต่งงานกับนักกฎหมายเช่นเดียวกัน ภรรยาของเขา คือ Michelle Robinson โดยทั้งคู่พบกันในปี 1988 ขณะทำงานในสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งในเมืองชิคาโก และมาแต่งงานกันในปี 1992 มีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน

 

 

บทบาททางการเมืองของโอบามา

บารัค โอบามาได้ขึ้นมามีบทบาททางการเมืองระดับชาติหลังชนะการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก แห่งสหรัฐฯ จากมลรัฐอิลลินอยส์ (Illinois) อย่างถล่มทลายในชื่อพรรคเดโมแครตในเดือนพฤศจิกายน 2004 บารัค โอบามาได้กลายมาเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนสหรัฐฯ และของโลก และเป็นวุฒิสมาชิกที่โดดเด่นคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้ในปี 1996 เขาได้ชนะเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกแห่งมลรัฐอิลลินอยส์นี้ (ไม่ใช่วุฒิสมาชิกแห่งสหรัฐฯ)

 


การกล่าวปราศรัยในที่ประชุมตัวแทนพรรคเดโมแครต (Democratic National Convention) ของเขาในปี 2004 ถือเป็นจุดที่สร้างความโดดเด่นทางการเมืองให้กับบารัค โอบามาทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ก่อนที่เขาจะได้ชนะการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกาได้เป็นครั้งแรก ต่อมาดังกล่าว


โดยในฐานะวุฒิสมาชิกแห่งสหรัฐอเมริกา บารัค โอบามามีประวัติการลงมติออกเสียงอย่างมั่นคงในแนวทางเสรีนิยม (liberal) แต่เช่นกันได้เห็นด้วยร่วมงานกับทางฝั่งพรรครีพับลิกันในประเด็นเช่นว่าการ ให้การศึกษาและการป้องกันโรคเอดส์


บารัค โอบามากับผลงานหนังสือ

บารัค โอบามาแต่งหนังสือขายดี 2 เล่ม เล่มแรกชื่อว่า Dreams from My Father: A Story of Race and Inheritance พิมพ์หลังจบการศึกษากฎหมายและก่อนลงเล่นการเมือง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตตอนวัยเด็กในเมือง โฮโนลูลู (Honolulu) และเมืองจาการ์ตา (Jakarta) วัยศึกษาในเมือง Los Angeles และในเมือง New York City และอาชีพนักพัฒนาชุมชนในเมือง Chicago ในช่วงทศวรรษ 1980

เล่มที่สองมีชื่อว่า The Audacity of Hope: Thoughts on Reclaiming the American Dream พิมพ์ในเดือนตุลาคม 2006 ในช่วง 3 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2006 เป็นหนังสือที่ขายดีอย่างรวดเร็ว มีการแปลเป็นภาษาอิตาลีและพิมพ์ออกมาในเดือนเมษายน 2007 ภาษาสเปนและเยอรมันพิมพ์ออกมาในเดือนมิถุนายน 2007

ที่มา :www.wannapong.com

No comments:

Post a Comment