Saturday, August 6, 2011

แดเนียล แรดคลิฟฟ์

 
แดเนียล จาคอบ แรดคลิฟฟ์ (Daniel Jacob Radcliffe) เกิดวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) มีชื่อเสียงจากการเป็นนักแสดงในบทบาทของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์จากบทประพันธ์ของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง


แดเนียลเกิดที่ ฟูแลม ลอนดอน เป็นลูกคนเดียวของ อลัน แรดคลิฟฟ์ กับ มาร์เซีย เกรส์แฮม (ผู้คัดเลือกนักแสดงในบีบีซี) พ่อแม่ของแดเนียลไม่ค่อยอยากให้ลูกเข้าวงการแสดงเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามในเดือน ธันวาคม ค.ศ. 1999 ตอนเด็ก แดเนียล แรดคลิฟฟ์ มีผลงานการแสดงอยู่ก่อนสองเรื่อง คือ เดวิด คอปป์เปอร์ฟิวส์ ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์บีบีซีและ ในภาพยนตร์แนวสายลับเรื่องเรื่อง The Tailor of Panama ออกฉายค.ศ. 2001


ครั้งหนึ่ง แดเนียล ได้ถูกเพื่อนชักชวน ให้ลองไปเล่นเป็น แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เปิดรับสมัครเด็กกว่าพันคน ซึ่งเขา ไม่ได้คิดเลยว่า ตนจะได้รับคัดเลือก ให้เล่นบทนี้ แต่แหล่งข่าวบางแห่ง ก็ให้ข้อมูลว่า พวกทีมงาน ที่กำลังจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ไปเจอเข้าในกองถ่าย แล้วก็เตะตา ในความสามารถของเขา แต่คงจะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง หลังจากการคัดเลือกเสียมากกว่า


ปัจจุบันนี้ ภาพยนตร์ ได้ดำเนินการสร้าง มาจนถึงภาคที่ 7 แล้ว แดเนียล แรดคลิฟฟ์ กำลังรับงานละครอยู่สองเรื่อง คือ เรื่องหนึ่ง เป็นละครเวที ชื่อว่า Equus ส่วนเรื่องที่สอง เป็นละครโทรทัศน์เรื่อง My Boy Jack เป็นเรื่องราวของทหาร ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 กับผลงานอีกเรื่องอย่าง December Boys หนังออสเตรเลียในเรื่องราวของกลุ่มเด็กชายที่หลบหนีออกจากบ้านเด็กกำพร้า


ตัวแดเนียลเอง มีเชื้อสายยิว หรือ พวกชาวฮีบรู แถบประเทศอิสราเอล และมีเพื่อนสนิทหนึ่งคน คือ AFSHAN AZAD ซึ่งเป็นเด็กสาวชาวอินเดีย ผู้รับบทเป็น ปัทมา พาติล ในเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์


ส่วนรูเพิร์ต กรินท์ รอน วีสลีย์ กับ เอ็มม่า วัตสัน เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เป็นเพื่อนร่วมงาน ที่ดีกับเขามาก

ผลงานภาพยนตร์


ปี 2001 แฮรี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์
ปี 2002 แฮรี่ พอตเตอร์ กับ ห้องแห่งความลับ
ปี 2004 
แฮรี่ พอตเตอร์ กับ นักโทษแห่งอัซคาบัน
ปี 2005 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ปี 2007  แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์
ปี 2009 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม ปี 2010  แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ตอนที่ 1
ปี 2011  แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ตอนที่ 2


 รางวัลที่ได้รับ 

ปี 2001 Golden Apple Awards, Hollywood Women's Press Club ( USA )

ปี 2002 7th Annual Broadcast Film Critics Association's Critics' Choice Awards ( USA )

ปี 2002 50th Annual Variety Club Showbusiness Awards

ปี 2002 Empire Awards

ปี 2002 2001 Internet Movie Awards ( USA )

ปี 2002 American Moviegoer Awards ( USA )

ปี 2002 Premi David di Donatello ( Italy )

ปี 2002 23rd Annual Young Artist Awards ( USA )

ปี 2002 28th Annual Saturn Awards ( USA )

ปี 2002 MTV Movie Awards ( USA )

ปี 2002 6th Annual Online Film & Television Association Film Awards ( USA )

ปี 2002 Bravo Magazine ( Germany )

ปี 2002 Time for Kids Online ( USA )

ปี 2003 American Moviegoer Awards ( USA )

ปี 2003 29th Annual Saturn Awards ( USA )

 
ผลงานละครโทรทัศน์

ปี 1999 David Copperfield ฉายทางช่อง BBC แสดงเป็น David Copperfield    ( ตอนเด็ก )
ปี 2001 Tailor of Panama แสดงเป็น Mark Pendel



ผลงานละครเวที

ปี 2002 The play that I wrote เป็นละครเพลง แดเนียลเป็นนักแสดงรับเชิญ


ที่มา : www.sanook.com

 
 


สตีฟ จอบส์


สตีเฟน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) (เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955) ผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล คอมพิวเตอร์ และ พิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และเป็นบุคคลชั้นนำในวงการอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง แอปเปิลคอมพิวเตอร์ ร่วมกับสตีฟ วอซเนียก ในปีค.ศ. 1976 เขาได้ช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่องApple II


ต่อมา เขาได้เป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกรา ฟิกส์ และเม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแอปเปิล แมคอินทอช สตีฟยังเป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของ พิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์


สตีฟ จอบส์ เกิดที่เมืองกรีนเบย์ มลรัฐวิสคอนซินเป็นบุตรของนางโยฮานน์ ซิมพ์สัน และมีบิดาเป็นชายชาวอียิปต์ (ไม่ทราบชื่อ) ไม่นานต่อมา เด็กชายผู้นี้ได้ถูกรับไปอุปการะโดยนายพอลและนางคลารา จอบส์ ที่มีถิ่นพำนักอยู่ที่เมืองเมาน์เทนวิว มลรัฐแคลิฟอร์เนีย น้องสาวร่วมสายเลือดของเขาชื่อ โมนา ซิมพ์สัน เป็นนักประพันธ์นวนิยาย


ในปีค.ศ. 1972 จอบส์จบการศึกษาจากโฮมสตีดไฮสคูล ในเมืองคิวเปอร์ทีโน มลรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้สมัครเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยรีด (Reed College) ในเมืองพอร์ตแลนด์ มลรัฐโอเรกอน แต่ก็ต้องลาพักการเรียนหลังจากเข้าเรียนได้เพียงหนึ่งภาคการศึกษา


หลายปีต่อมา ในปาฐกถาครั้งหนึ่งในพิธีสำเร็จการศึกษาของบัณฑิตมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปีค.ศ. 2005 จอบส์ได้กล่าวว่าเขายังคงศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยรีด รวมทั้งเข้าชั้นเรียนคัดตัวหนังสือ " ถ้าผมขาดเรียนวิชานั้นไปเพียงวิชาเดียวที่วิทยาลัยรีด เครื่องแมคอินทอชคงจะไม่มีรูปแบบอักษรหลากหลาย และปราศจากฟอนต์ที่มีการแบ่งระยะห่างอย่างถูกสัดส่วนเช่นนี้" จอบส์กล่าว


ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปีค.ศ. 1974 จอบส์ได้กลับมายังมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้เริ่มเข้าประชุมชมรม"เครื่องคอมพิวเตอร์ทำเองที่บ้าน" กับ สตีฟ วอซเนียก จากนั้นก็สมัครเข้าทำงานในตำแหน่งช่างเทคนิคที่ อาตาริ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และวิดิโอเกมส์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง


ตลอดช่วงเวลานี้ มีการค้นพบว่านกหวีดของเล่นที่แถมมาในกล่องอาหารเช้าทำจากธัญพืชยี่ห้อแค ปแอนด์ครันช์ ทุกกล่อง เมื่อนำมาดัดแปลงเล็กน้อยแล้วจะสามารถทำเกิดเสียงความถี่ 2,600เฮิร์ทซ์ ที่ใช้ในระบบโทรศัพท์ทางไกลของเอทีแอนด์ทีได้ โดยไม่รอช้า ในปีค.ศ. 1974จอบส์กับวอซเนียกได้เริ่มธุรกิจผลิตกล่อง"บลูบ็อกซ์" จากแนวความคิดดังกล่าวอันทำเราสามารถโทรศัพท์ทางไกลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่อย่างใด


ในปีค.ศ. 1976 สตีฟ จอบส์ในวัย 21 ปี กับสตีฟ วอซเนียก วัย 26 ปี ได้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ขึ้น ในโรงรถที่บ้านของครอบครัวจอบส์ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่จอบส์กับวอซเนียกได้นำเสนอออกสู่สายตา ได้แก่เครื่องApple I มันถูกตั้งราคาไว้ที่ 666.66 ดอลลาร์สหรัฐ โดยนำตัวเลขมาจากหมายเลขโทรศัพท์ของเครื่องตอบโทรศัพท์เล่าเรื่องตลกขบขัน ของวอซเนียก ที่มีเบอร์โทรลงท้ายด้วย -6666 

ในปีค.ศ. 1977 จอบส์กับวอซเนียก ได้นำเครื่องApple IIออก สู่ตลาด และประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดคอมพิวเตอร์ใช้งานในบ้าน และทำให้แอปเปิลกลายเป็นผู้ผลิตรายสำคัญในวงการอุตสาหกรรมเครื่อง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ในเดือนธันวาคม ปีค.ศ. 1980 แอปเปิลคอมพิวเตอร์ได้กลายมาเป็นบริษัทมหาชน และการเปิดขายหุ้นให้แก่สาธารณชนผู้สนใจร่วมลงทุน ทำให้สถานภาพส่วนตัวของจอบส์สูงส่งขึ้นเป็นอันมาก ในปีเดียวกันนี้เอง แอปเปิลคอมพิวเตอร์ได้นำเครื่องApple IIIออกวางตลาด แต่กลับประสบความสำเร็จน้อยกว่าเดิม


ในขณะที่ธุรกิจของแอปเปิลกำลังเติบโตต่อไป บริษัทได้เริ่มมองหาผู้มีความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจเพื่อมาช่วยในการ ขยายกิจการ ในปีค.ศ. 1983 จอบส์ได้ว่าจ้าง จอห์น สกัลลีย์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเป็บซี่-โคล่า ให้มาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล โดยที่จอบส์ได้กล่าวท้าทายเขาว่า "คุณต้องการจะใช้ช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ไปกับการขายน้ำหวาน หรือว่าต้องการโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้กันแน่?" ในปีเดียวกัน แอปเปิลยังได้เปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ลิซา ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จทางการตลาดแต่อย่างใด


 ในปีค.ศ. 1984 เราได้เห็นการเปิดตัวเครื่องแมคอินทอช เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่มีส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์ที่ประสบความ สำเร็จทางการค้า การพัฒนาเครื่องแมคริเริ่มขึ้นโดย เจฟ ราสคินและทีมงานที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยศูนย์วิจัยซี รอกซ์พาร์ก แต่ยังไม่มีการนำมาพัฒนาเพื่อการค้า ความสำเร็จของเครื่องแมคอินทอช ทำให้แอปเปิลเลิกพัฒนาเครื่องApple II เพื่อส่งเสริมสายการผลิตเครื่องรุ่นแมค ซึ่งยังคงยืนหยัดมากระทั่งทุกวันนี้


จอบส์เข้าพิธีสมรสกับลอเรนซ์ พาวเวลล์ เมื่อวัน18 มีนาคม ค.ศ. 1991 และมีบุตรด้วยกันสามคน จอบส์ยังมีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อลิซา จอบส์ ที่เกิดจากสตรีผู้หนึ่งซึ่งเขาไม่ได้แต่งงานด้วย


มีอยู่ช่วงหนึ่งที่จอบส์ได้คบหาดูใจอยู่กับโจอาน แบเอซ ผู้ซึ่งถูกเจฟฟรีย์ ยัง ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติของจอบส์ "iCon Steve Jobs" ได้กล่าวถึงว่า จอบส์รู้สึกฉงนเนื่องจากพบว่าโจอานเคยเกี่ยวพันกับ บอบ ดีแลน ขวัญใจของเขา (ผู้ซึ่งเคยพัวพันกับแบเอซ) และเกี่ยวพันกับ วัฒนธรรมจัณฑาล (Beat Generation) เจฟฟรีย์ ยัง บอกเป็นนัยๆว่า บิล แอตคินสัน เคยได้ยินจอบส์พูด (แล้วเอาไปพูดต่อ) ว่าเขาคงจะแต่งงานกับแบเอซไปแล้ว หากเขาไม่มีความคิดว่าหล่อนซึ่งขณะนั้นมีอายุ 41 ปี มากเกินไปที่จะมีบุตร


จอบส์เป็นมังสวิรัติปลา (ไม่ใช่มังสวิรัต หรือ มังสวิรัติเคร่งครัด ตามที่มีมักจะอ้างกัน) — แม้ว่าเขาจะไม่ทานเนื้อสัตว์ มีรายงานว่าเขาทานปลาในบางครั้ง


เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 จอบส์ได้เข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกมะเร็งออกจากตับอ่อน เขาเป็นโรคมะเร็งในตับอ่อนซึ่ง ในแบบที่พบได้น้อยมาก ที่เรียกว่า "เนื้องอกในเซลล์ที่ผลิตอินซูลินอันส่งผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของ ร่างกาย " (islet cell neuroendocrine tumor) ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่ต้องการเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัดแต่อย่างใด ระหว่างที่เขาป่วย ทิม คุก ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้างานขายและปฏิบัติการทั่วโลกของแอปเปิล เป็นผู้บริหารงานแทน


ในปีค.ศ. 2005 สตีฟ จอบส์ได้สั่งห้ามมิให้จำหน่ายหนังสือทุกเล่มที่มาจากสำนักพิมพ์วิลลีย์ใน ร้านหนังสือขายปลีกของแอปเปิล เพื่อตอบโต้ที่สำนักพิมพ์นี้ได้ตีพิมพ์ชีวประวัติฉบับที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก เขา ที่มีชื่อว่า "iCon Steve Jobs: The Greatest Second Act in the History of Business" เขียนโดยเจฟฟรีย์ ยัง และ วิลเลียม แอล. ไซมอน หลายคนเชื่อว่าการสั่งห้ามหนังสือดังกล่าวมาจากชื่อที่มีนัยยะในแง่ลบ มากกว่าจะมาจากเนื้อหาซึ่งออกจะกล่าวถึงในแง่บวกเสียมากกว่า

ที่มา : www.citecclub.org